ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังเผชิญหน้ากับสงครามเงียบ
จากรายงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลไตรมาส 2 ปี 2567 นั้นดูเหมือนจะสงบเสงี่ยม แต่เมื่อขุดลงไปในรายละเอียด จะพบว่าเกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดระหว่างอุปทานและอุปสงค์
อุปทานล้นทะลัก ขณะที่อุปสงค์ชะลอตัว
โครงการใหม่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ผู้ซื้อกลับลังเลที่จะควักกระเป๋าออกมาจับจองเป็นเจ้าของ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ต่างแข่งขันกันลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่ก็ยังไม่สามารถกระตุ้นยอดขายให้กลับมาคึกคักได้เท่าที่ควร
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
ดอกเบี้ยสูง: การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางส่งผลให้ค่าผ่อนบ้านสูงขึ้น ผู้ซื้อจึงต้องคิดหนักก่อนตัดสินใจ
เศรษฐกิจชะลอตัว: ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น
หนี้ครัวเรือนสูง: ภาระหนี้สินที่สูง ทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง
ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย
โครงการใหม่ทะลักตลาด: โครงการใหม่เปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท
ยอดขายชะลอตัว: ทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม มียอดขายลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
หน่วยเหลือขายพุ่งสูง: โครงการต่าง ๆ มีหน่วยเหลือขายจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง
อนาคตของตลาดอสังหาฯจะเป็นอย่างไร?
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ตลาดอสังหาฯ ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายอีกหลายปีข้างหน้า ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยอาจต้องหันมาพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น เช่น โครงการขนาดเล็ก ราคาประหยัด หรือโครงการที่เน้นความยั่งยืน
สรุป
ตลาดอสังหาฯ ในปัจจุบันเปรียบเสมือนสนามรบที่ผู้ประกอบการต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือด ผู้ที่สามารถปรับตัวและเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคได้ดี จะเป็นผู้ที่สามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในตลาดที่ผันผวนนี้
บรรณานุกรม
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC). (ปี). รายงานผลสำรวจภาคสนามอุปทานและอุปสงค์
หมายเหตุ: บทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์เบื้องต้นจากข้อมูลที่ได้รับ อาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผู้ที่สนใจควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน